Q-CHANG for Business

Working Time: Mon - Fri 9:00 AM - 6:00 PM
Follow us:
ส่งอีเมล์

b2b.relations@q-chang.com

เบอร์โทรติดต่อ

02-821-6545

Universal Design คืออะไร? การออกแบบที่เหมาะกับคนทุกกลุ่ม

หลักการ Universal Design เพื่อผู้สูงอายุ
สารบัญ

หลักการ Universal Design และแนวทางรีโนเวทอาคารให้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และทุกกลุ่ม พร้อมตัวอย่างการปรับปรุงที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง“ความเท่าเทียมในการเข้าถึง” คือหนึ่งในมาตรฐานสำคัญของพื้นที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน อาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร หรือโชว์รูม ทุกธุรกิจต่างตระหนักว่า การออกแบบพื้นที่ที่ “ทุกคน” สามารถใช้งานได้จริง ถือเป็นการลงทุนในประสบการณ์ของผู้ใช้งานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม และนั่นคือหัวใจของหลักการ Universal Design

สถาปนิกร่วมกันออกแบบ Universal Design เพื่อคนทุกกลุ่ม

Universal Design คืออะไร?

Universal Design คือ แนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน ไม่จำกัดอยู่กับกลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ต้องใช้งานได้กับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกายชั่วคราว เช่น คนขาหัก หรือหญิงตั้งครรภ์หลักการ Universal Design ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความสะดวกเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานของสภาพแวดล้อมให้ครอบคลุมและปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยไม่ต้องมีการดัดแปลงเพิ่มเติมเป็นกรณีเฉพาะ

หลักการ Universal Design เพื่อผู้สูงอายุ

7 หลักการ Universal Design มีอะไรบ้าง?

Universal Design มีหลักการสำคัญ 7 ข้อ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการรีโนเวทและปรับปรุงอาคารอย่างเป็นระบบ ได้แก่

1. การใช้งานที่เท่าเทียม (Equitable Use)

การออกแบบที่ดี ไม่ควรทำให้ผู้ใช้งานบางกลุ่มรู้สึกว่าตนต้องได้รับการจัดพื้นที่เฉพาะ แต่ควรออกแบบให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ในรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ เช่น ในอาคารพาณิชย์หรือสำนักงาน การใช้ประตูอัตโนมัติแทนประตูบานสวิง หรือการมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีความสูงเหมาะสมทั้งสำหรับคนยืนและผู้ใช้รถเข็น จะช่วยลดการแบ่งแยกทางกายภาพ และทำให้พื้นที่ดูเป็นมิตรกับทุกคนโดยไม่ต้องมีการออกแบบสิ่งปลูกสร้างเป็นกรณีพิเศษแยกต่างหาก

2. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน (Flexibility in Use)

สภาพร่างกายและความถนัดของผู้ใช้งานแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หลักการ Universal Design ข้อนี้จึงมุ่งออกแบบให้รองรับความหลากหลาย เช่น การใช้ปุ่มกดที่สามารถเปิดประตูได้ด้วยมือและข้อศอก หรืออ่างล้างมือที่มีช่องว่างด้านล่างเพียงพอให้รถเข็นสามารถสอดเข้าไปได้อย่างสะดวก สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่กลับเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

3. การใช้งานที่ง่ายและเข้าใจได้ (Simple and Intuitive Use)

หนึ่งในข้อจำกัดที่ผู้ใช้งานต้องเผชิญ คือ ความไม่เข้าใจวิธีใช้งานอุปกรณ์หรือพื้นที่นั้น ๆ หลักการ Universal Design ข้อนี้จึงเน้นการออกแบบให้การใช้งานสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอธิบายและไม่ต้องพึ่งพาภาษา เช่น การใช้สัญลักษณ์ที่เข้าใจง่ายสำหรับห้องน้ำชาย-หญิง-ผู้พิการ หรือการจัดวางสวิตช์ไฟให้อยู่ในตำแหน่งมาตรฐานที่มองเห็นและเอื้อมถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในที่ที่มีแสงน้อย หรือผู้ใช้งานมีข้อจำกัดด้านสายตา

4. การสื่อสารข้อมูลที่ชัดเจน (Perceptible Information)

ไม่ใช่ทุกคนจะรับข้อมูลผ่านช่องทางเดียวกันได้อย่างเท่าเทียม กล่าวคือ ผู้พิการทางสายตาอาจต้องใช้เสียง ส่วนผู้พิการทางการได้ยินอาจต้องใช้ภาพ ดังนั้น การออกแบบที่ดีต้องมีการสื่อสารข้อมูลหลากหลายรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ Universal Design ตัวอย่างเช่น การติดป้ายที่มีทั้งตัวอักษรปกติและอักษรเบรลล์ หรือสัญญาณเตือนไฟที่มาควบคู่กับเสียงแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินภายในอาคาร

อักษรเบรลล์ คือหนึ่งในหลักการ Universal Design เพื่อผู้พิการทางสายตา

5. การป้องกันความผิดพลาด (Tolerance for Error)

เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ผู้ใช้งานจะพยายามระมัดระวังมากเพียงใด หลักการ Universal Design ข้อนี้จึงเน้นการออกแบบเพื่อลดผลกระทบจากความผิดพลาด เช่น การเลือกใช้พื้นผิวกันลื่นในห้องน้ำและทางเดิน การติดตั้งขอบบันไดที่มีสีตัดกันเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน หรือการวางตำแหน่งปลั๊กไฟและเต้ารับในระดับที่ปลอดภัย นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของผู้ใช้งานและทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นการยืดอายุการใช้งานของพื้นที่อีกด้วย

6. การใช้งานโดยไม่ต้องออกแรงมาก (Low Physical Effort)

ผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย มักประสบปัญหาเมื่อต้องใช้แรงมากในการเปิดประตู บิดก๊อก หรือยกของ หลักการ Universal Design เพื่อผู้สูงอายุและผู้พิการ จึงควรเน้นการออกแบบที่ช่วยลดภาระทางกายภาพ เช่น ประตูอัตโนมัติ ก๊อกน้ำระบบเซนเซอร์ เพื่อช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้นสำหรับทุกคน

7. การเข้าถึงและใช้งานได้จากขนาดและระยะของร่างกายที่หลากหลาย (Size and Space for Approach and Use)

ขนาดร่างกายของผู้ใช้งานมีความแตกต่างกัน การออกแบบจึงต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่เอื้อต่อการเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยืน เดิน หรือใช้รถเข็น เพื่อให้ตอบโจทย์หลักการ Universal Design ตัวอย่างเช่น การออกแบบห้องน้ำที่มีพื้นที่หมุนสำหรับรถเข็น การติดตั้งแผงควบคุมลิฟต์ในระดับความสูงที่เหมาะสม หรือแม้แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เว้นช่องว่างใต้โต๊ะเพื่อให้ผู้ใช้งานที่มีรถเข็นสามารถเข้าใช้งานได้อย่างสะดวก

สำนักงานที่ออกแบบภายใต้หลักการ Universal Design

สรุป

หากคุณกำลังมองหาการรีโนเวทอาคารที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนทุกกลุ่ม Q-CHANG for Business พร้อมให้บริการด้วยการออกแบบที่เข้าใจหลักการ Universal Design เพื่อรองรับทั้งผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยทุกขั้นตอนเราดำเนินการโดยทีมมืออาชีพที่มี Project Owner คอยควบคุมงานตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมใบเสนอราคาโปร่งใสและรองรับเครดิตเทอมได้

Contact

LINE OA : @qchangforbusiness หรือคลิก https://lin.ee/RZPKb1u  

Website : https://biz.q-chang.com  

Tel : 02-821-6545

Related Posts

การเลือกทำเลร้านสะดวกซื้อมีผลโดยตรงต่อธุรกิจ ทั้งในเรื่องจำนวนลูกค้าและรายได้ การรีโนเวทร้านอย่างมืออาชีพจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยสร้างร้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้