Q-CHANG for Business

ไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร? รู้จักระบบไฟฟ้าที่นิยมใช้ในโรงงาน 

ไฟฟ้า 3 เฟส
Table of Contents

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส หรือที่หลายคนคุ้นเคยกันดีว่าเป็นระบบไฟฟ้าโรงงาน คือระบบไฟฟ้าที่นิยมนำมาใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ เป็นหลัก สำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า ระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟสจะมีสายที่มีไฟกี่สายมีสายอะไรบ้าง แล้วไฟฟ้า 3 เฟสมีแรงดันกี่โวลต์? บทความนี้จะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยและทำความเข้าใจกับระบบไฟฟ้า 3 เฟสไปพร้อมกัน


ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?

ระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่เรามักพบคือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย ประกอบด้วยสายไฟทั้งหมด 4 เส้น ได้แก่ สายไฟหลักหรือที่เรียกว่าสายไลน์จำนวน 3 เส้น ซึ่งเป็นสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา และสายนิวทรอล (Neutral Line) ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอีก 1 เส้น โดยการทำงานของแรงดันไฟฟ้า 3 เฟส จะมีแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์ด้วยกันเองอยู่ที่ 380-400 โวลต์ ส่วนแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์และสายนิวทรอลจะอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และมีความถี่อยู่ที่ 50 เฮิรตซ์ (Hz) 

ระบบไฟฟ้า 3 เฟสจะเหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้กำลังไฟฟ้าสูง เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่ หรืออุปกรณ์ก่อสร้าง รวมถึงอาคารต่าง ๆ ที่ต้องใช้แสงสว่างมาก ๆ หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักรในการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลานาน, คลังสินค้าที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ, บ้านขนาดใหญ่ รวมถึงอาคารพาณิชย์ ออฟฟิศ หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ เป็นต้น 

ทั้งนี้ ระบบไฟ 3 เฟสก็สามารถนำมาใช้งานภายในบ้านทั่วไปได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่สามารถใช้ไฟฟ้า 3 เฟสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านโดยตรงได้ จะต้องแบ่งออกเป็นไฟฟ้า 1 เฟส จำนวน 3 ชุดก่อน แล้วค่อยกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งการแบ่งไฟฟ้าเช่นนี้จะเป็นการเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้า จึงช่วยให้ประหยัดค่าใช้ไฟฟ้าได้ 


ระบบไฟฟ้า 3 เฟสมีหลักการทำงานอย่างไร?

ไฟสามเฟสคืออะไร

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ทำงานโดยใช้หลักการผลิตไฟฟ้ากระแสสลับ ผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีวงจรไฟฟ้าพันด้วยขดลวดทองแดงทั้งหมด 3 วงจร ซึ่งแต่ละวงจรจะถูกติดตั้งให้มีระยะห่างเท่ากันประมาณ 120 องศา และมีสนามแม่เหล็กอยู่ตรงกลาง โดยสนามแม่เหล็กนี้จะหมุนตามเข็มนาฬิกา เมื่อตำแหน่งขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กเข้าใกล้ขดลวดในวงจรใดวงจรหนึ่งจะเกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจนเกิดกระแสไฟฟ้าสลับขึ้นมา ซึ่งกระแสไฟฟ้าสลับจะเกิดขึ้นในแต่ละวงจรตามช่วงเวลา แล้วจ่ายกระแสไฟฟ้า 3 เฟสออกมาตามลำดับนั่นเอง


ระบบไฟฟ้า 1 เฟสกับระบบไฟฟ้า 3 เฟสแตกต่างกันอย่างไร?

ระบบไฟฟ้า 1 เฟส ประกอบด้วยสายไฟ 2 เส้น คือ สายไลน์ 1 เส้น และสายนิวทรอล 1 เส้น โดยมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220-230 โวลต์ และมีความถี่อยู่ที่ 50 เฮิรตซ์ (Hz) ซึ่งเป็นปริมาณการจ่ายไฟฟ้าที่เหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่ต้องการแรงดันไฟฟ้าที่ 220 โวลต์ เช่น แอร์, พัดลม, ตู้เย็น หรือหลอดไฟ ดังนั้น ระบบไฟฟ้า 1 เฟส จึงเหมาะกับการใช้งานทั่วไปภายในครัวเรือน ซึ่งจะแตกต่างจากระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย ที่เหมาะกับการใช้งานภายในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะต้องการใช้กำลังไฟฟ้าสูงเพียงพอต่อการทำงานของเครื่องจักรขนาดใหญ่ หรือเหมาะกับอาคารต่าง ๆ ที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมากต่อเนื่องเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ระบบไฟฟ้า 1 เฟสยังติดตั้งได้สะดวกและมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับการติดตั้งระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่มีขั้นตอนการติดตั้งที่ค่อนข้างยุ่งยาก และอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับติดตั้งค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตามการใช้งานในระยะยาวจะพบว่าการใช้งานระบบไฟฟ้า 3 เฟสช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าระบบไฟฟ้า 1 เฟสที่มีการคิดค่าไฟแบบอัตราก้าวหน้า กล่าวคือ ยิ่งใช้มากยิ่งมีค่าไฟสูงนั่นเอง


ระบบไฟฟ้า 3 เฟส มีข้อดีอย่างไรเมื่อเทียบกับระบบไฟฟ้า 1 เฟส

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย

ถึงแม้ว่าระบบไฟฟ้า 3 เฟส จะมีขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งค่อนข้างสูงกว่าระบบไฟฟ้า 1 เฟส แต่เมื่อเทียบกับการใช้งานในระยะยาวแล้ว ระบบไฟฟ้า 3 เฟส มีข้อดีหลายประการดังต่อไปนี้ 

1. ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส สามารถกระจายกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าระบบไฟฟ้า 1 เฟส ถึง 3 เท่า ทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากเกินไป จึงช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า นอกจากนี้ไฟฟ้า 3 เฟสยังส่งกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า จึงคุ้มค่ามากกว่าด้วย

2. ช่วยให้เครื่องจักรหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เนื่องจากเครื่องจักรขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้กำลังไฟฟ้าปริมาณมหาศาล หากใช้ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็จะช่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าได้เพียงพอต่อการใช้งาน และผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความสมดุล ดังนั้นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ จึงสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. ให้พลังงานที่มากกว่า ช่วยให้มีไฟฟ้าใช้มากขึ้น

เนื่องจากระบบไฟฟ้า 3 เฟส มีสายไลน์ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ตลอดเวลาถึง 3 เส้น ทั้งยังมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 230–400 โวลต์ จึงสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า ให้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณมาก จึงช่วยให้มีไฟฟ้าใช้มากขึ้น

4. พลังงานไฟฟ้าเสถียรมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันปัญหาไฟฟ้าติดขัด

ปัญหาไฟฟ้าติดขัดอย่างไฟดับหรือไฟตก มีสาเหตุมาจากระบบไฟจ่ายพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับระบบไฟฟ้า 1 เฟสที่มีแรงดันไฟฟ้าน้อยและมีสายไฟหลักเพียงแค่ 1 เส้น ต่างจากระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่มีสายไฟหลักถึง 3 เส้น ทั้งยังให้แรงดันไฟฟ้ามากกว่า ดังนั้นจึงสามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอและคงที่ พลังงานไฟฟ้าจึงมีเสถียรภาพ ซึ่งหากใช้ควบคู่กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็จะช่วยป้องกันปัญหาไฟฟ้าติดขัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

5. ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 

ระบบไฟฟ้า 1 เฟสอาจให้กำลังไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อต้องใช้กับเครื่องจักรขนาดใหญ่หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการกำลังไฟฟ้าปริมาณมาก ทำให้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่หากเลือกใช้ระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่สามารถกระจายกระแสไฟฟ้าได้อย่างสมดุลมากกว่าจะช่วยลดพลังงานการใช้ไฟฟ้าลง แต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของเครื่องจักรได้ 

6. ยืดอายุการทำงานของระบบไฟฟ้า ไม่ต้องซ่อมบำรุงบ่อย ๆ 

เนื่องจากไฟฟ้า 3 เฟสช่วยให้พลังงานไฟฟ้ามีความเสถียรมากยิ่งขึ้น ระบบไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถป้องกันปัญหาไฟดับ ไฟตก หรือไฟกระชากได้ จึงช่วยยืดอายุและรักษาประสิทธิภาพการทำงานของระบบไฟฟ้า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบำรุงระบบไฟฟ้าอยู่บ่อย ๆ 


แนะนำบริการตรวจสอบและซ่อมระบบไฟฟ้าโรงงานจาก “Q-CHANG for Business” 

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณมากอย่างมีเสถียรภาพ นิยมใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ ที่ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและช่วยป้องกันปัญหาไฟฟ้าติดขัดได้เป็นอย่างดี แต่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าก็ไม่ควรนิ่งเฉยหรือปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นกับระบบไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและการทำงานของเครื่องจักร รวมถึงความปลอดภัยในโรงงานด้วย 

หากพบเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในอาคาร หรือประสบปัญหาระบบไฟฟ้าโรงงานติดขัด ที่ Q-CHANG for Business เรามีบริการตรวจระบบไฟฟ้าโรงงานและซ่อมไฟฟ้า พร้อมดำเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนอย่างเต็มรูปแบบด้วยทีมช่างมืออาชีพที่มีมาตรฐาน ผ่านการฝึกอบรมและมีใบรับรองความรู้ความสามารถด้านระบบไฟฟ้าในอาคาร ทั้งยังใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่เหมาะสมทันสมัย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ให้คุณหมดกังวลทุกปัญหางานระบบไฟฟ้า ธุรกิจสามารถต่อได้แบบไม่มีสะดุด สนใจบริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าโรงงาน สามารถติดต่อ Q-CHANG for Business ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

Related Posts