Q-CHANG for Business

Working Time: Mon - Fri 9:00 AM - 6:00 PM
Follow us:
ส่งอีเมล์

b2b.relations@q-chang.com

เบอร์โทรติดต่อ

02-821-6545

7 ปัญหาระบบไฟฟ้าโรงงานที่พบบ่อย พร้อมวิธีป้องกันก่อนเกิดเหตุ

การวางระบบไฟฟ้าโรงงาน
สารบัญ

ระบบไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร ระบบแสงสว่าง ระบบควบคุมอัตโนมัติหรือระบบระบายอากาศ หากพบระบบไฟฟ้าในโรงงานมีปัญหา เช่น ไฟดับ ไฟกระชาก หรือ ไฟฟ้าลัดวงจร จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิต ความปลอดภัย และต้นทุนการดำเนินงาน


ปัญหาที่พบบ่อยในระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม

ความสำคัญของระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม

ระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจ่ายพลังงานให้กับเครื่องจักร อุปกรณ์ควบคุม ระบบแสงสว่าง ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยและการสื่อสาร หากระบบไฟฟ้าโรงงานขาดความเสถียรหรือเกิดปัญหา จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการผลิตและความปลอดภัยของบุคลากร รวมถึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายที่มีมูลค่าสูงต่อทรัพย์สินของโรงงาน

ความสำคัญอีกด้านหนึ่งของระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม คือการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และสนับสนุนการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดการระบบไฟฟ้าโรงงานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มความมั่นคงในการจ่ายไฟ ทำให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักที่ไม่คาดคิด

ปัญหาระบบไฟฟ้าโรงงานที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง

การทำงานของระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมมีความซับซ้อนและต้องการความเสถียรสูง หากเกิดความผิดปกติเล็กน้อยในระบบ อาจส่งผลต่อการผลิตโดยรวมทันที

1. แรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร (Voltage Fluctuation)

แรงดันไฟที่ไม่คงที่ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยสำหรับระบบไฟฟ้าในโรงงาน โดยเฉพาะในโรงงานที่มีเครื่องจักรใช้พลังงานสูง สาเหตุอาจเกิดจากการกระจายโหลดไม่สมดุล การเปิดปิดเครื่องขนาดใหญ่พร้อมกัน หรือความไม่เสถียรจากระบบของการไฟฟ้า ผลกระทบที่ตามมาคือเครื่องจักรอาจหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด ระบบควบคุมรวน หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายเร็วกว่าปกติ

2. โหลดเกิน (Overload)

โหลดไฟฟ้าเกินกำลังที่ระบบรองรับ เป็นสาเหตุสำคัญของการตัดวงจรโดยเบรกเกอร์ หรือในกรณีร้ายแรงอาจเกิดความร้อนสะสมที่สายไฟจนอาจเกิดไฟไหม้ได้ ปัญหานี้มักเกิดจากการต่อเครื่องจักรเพิ่มโดยไม่ประเมินกำลังไฟฟ้าใหม่ หรือการใช้งานพร้อมกันเกินความสามารถของระบบ หากไม่ได้รับการแก้ไขทันเวลา ต้องซ่อมระบบไฟฟ้าโรงงานโดยด่วน

3. ไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit)

สาเหตุปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรในโรงงานมักมาจากฉนวนของสายไฟเสื่อมสภาพ น้ำรั่วเข้าตู้ควบคุม หรือการเดินสายที่ไม่ถูกต้อง ไฟฟ้าลัดวงจรสามารถสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์จำนวนมากในเสี้ยววินาที และยังเป็นหนึ่งในต้นเหตุของอัคคีภัยในโรงงานที่พบได้บ่อย การบำรุงรักษาและตรวจสอบสายไฟเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยง

ความสำคัญของระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม

4. การต่อลงดินที่ไม่สมบูรณ์

ระบบกราวด์หรือการต่อลงดินมีหน้าที่ป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วจากอุปกรณ์เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ หากระบบนี้ไม่ได้มาตรฐานหรือขาดการตรวจสอบ อาจทำให้เกิดไฟดูด หรือเกิดความเสียหายกับวงจรควบคุมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหานี้มักถูกละเลยทั้งที่เป็นหนึ่งในสาเหตุปัญหาไฟฟ้าโรงงานที่อันตรายที่สุด

5. เฟสไฟไม่สมดุล

ระบบไฟฟ้าโรงงานส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้า 3 เฟส หากการจ่ายโหลดในแต่ละเฟสไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดปัญหาเฟสไม่สมดุล ส่งผลให้มอเตอร์ทำงานหนักในบางเฟส หรืออุปกรณ์ควบคุมสั่งงานผิดพลาด เฟสไม่สมดุลยังส่งผลให้เกิดพลังงานสูญเปล่าและอาจเพิ่มค่าไฟโดยไม่จำเป็น

6. ระบบไฟสำรองไม่พร้อมใช้งาน

โรงงานหลายแห่งมีการติดตั้งระบบสำรองไฟ เช่น UPS หรือเครื่องปั่นไฟ แต่ไม่ได้ทดสอบอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เมื่อเกิดไฟดับขึ้นจริง ระบบสำรองกลับไม่ทำงาน เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หรือระบบสตาร์ทขัดข้อง ปัญหาระบบไฟฟ้าโรงงานในลักษณะนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการดูแลระบบสำรองไฟให้พร้อมใช้งานเสมอ และมีการซักซ้อมแผนฉุกเฉินในโรงงานเป็นประจำ

7. สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม

อุณหภูมิ ความชื้น ฝุ่นละออง หรือแม้แต่การสั่นสะเทือน ล้วนส่งผลต่ออายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม หากตู้ MDB หรือ DB ถูกติดตั้งในบริเวณที่ไม่มีการควบคุมสภาพแวดล้อม เช่น ติดกับสายการผลิตโดยตรง หรืออยู่ใกล้แหล่งไอน้ำ อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน อุปกรณ์เสียหายเร็วกว่าปกติ และเสี่ยงต่อไฟลัดวงจร

แนวทางป้องกันระบบไฟฟ้าโรงงาน

วิธีป้องกันและซ่อมระบบไฟฟ้าในโรงงาน

การจัดการกับระบบไฟฟ้าโรงงานไม่ควรเริ่มหลังจากเกิดปัญหา แต่ควรเริ่มตั้งแต่การวางแผนป้องกันและบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบ ดังนี้

1. ตรวจสอบและบำรุงรักษาเชิงป้องกันอย่างสม่ำเสมอ

การบำรุงรักษาแบบ Preventive Maintenance (PM) คือหัวใจสำคัญของการป้องกันปัญหาระบบไฟฟ้าโรงงาน ควรมีการตรวจสอบตู้ไฟ MDB DB ระบบกราวด์ สายไฟ และอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง โดยต้องตรวจทั้งความร้อนสะสม รอยไหม้ จุดต่อสายหลวม และค่าฉนวนของสายไฟ

2. ออกแบบระบบไฟฟ้าอย่างเหมาะสม

การวางระบบไฟฟ้าโรงงานควรอิงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น มอก. IEC หรือ NEC โดยต้องคำนึงถึงโครงสร้างของอาคาร การกระจายโหลดในแต่ละเฟส ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และความสะดวกในการซ่อมบำรุงในอนาคต ระบบที่ออกแบบดีจะลดโอกาสเกิดปัญหาและทำให้การซ่อมระบบไฟฟ้าโรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ติดตั้งระบบป้องกันไฟเกิน ไฟกระชาก และไฟรั่ว

เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้าไม่เสถียร ควรติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่

  • SPD (Surge Protection Device) เพื่อป้องกันไฟกระชากจากฟ้าผ่า
  • RCCB (Residual Current Circuit Breaker) สำหรับป้องกันไฟรั่ว
  • MCB/ELCB เพื่อป้องกันโหลดเกินและไฟลัดวงจร
การวางระบบไฟฟ้าโรงงาน

4. ใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับโหลดจริง

การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์ สายไฟ และอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ ต้องสอดคล้องกับโหลดที่ใช้งานจริง หากใช้อุปกรณ์ต่ำกว่าค่าพิกัดจะทำให้เกิดความร้อนสะสม สายไฟไหม้ หรือเบรกเกอร์ตัดบ่อย ซึ่งเป็นปัญหาไฟฟ้าที่พบได้ทั่วไป การซ่อมระบบไฟฟ้าโรงงานหลายกรณีจึงเริ่มต้นจากการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ถูกต้องตามโหลดจริง

5. วางแผนและอบรมด้านความปลอดภัย

บุคลากรควรได้รับการอบรมให้เข้าใจระบบไฟฟ้าโรงงานพื้นฐาน เช่น วิธีปิดเปิดเบรกเกอร์หลัก วิธีใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย และการแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้

6. ทำแผนผังและบันทึกข้อมูลระบบไฟฟ้า

การจัดทำแผนผังไฟฟ้าที่ชัดเจนพร้อมบันทึกข้อมูล เช่น ขนาดสายไฟ ยี่ห้ออุปกรณ์ จุดติดตั้ง และวันที่บำรุงรักษา จะช่วยให้การซ่อมระบบไฟฟ้าโรงงานในอนาคตรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น แถมยังลดเวลาในการแกะระบบ และช่วยวางแผนการปรับปรุงได้ดีขึ้นอีกด้วย

สรุป

การลงทุนกับระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ คือการป้องกันความเสียหายมหาศาลที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดข้องเพียงเล็กน้อย หากคุณต้องการทีมมืออาชีพที่เข้าใจระบบไฟฟ้าเชิงลึกของโรงงานอุตสาหกรรม และสามารถดูแลได้ครบวงจรทั้งงานออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา และแก้ไขปัญหาเฉพาะทาง

Q-CHANG for Business พร้อมดูแลระบบไฟฟ้าโรงงานตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยทีมวิศวกรและช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านงานจริงในระดับอุตสาหกรรม พร้อมระบบการบริหารงานแบบโปร่งใส ตรวจสอบได้ รองรับทั้งโรงงานขนาดเล็กและองค์กรระดับประเทศ

Contact

LINE OA : @qchangforbusiness หรือคลิก https://lin.ee/RZPKb1u 

Website : https://biz.q-chang.com 

Tel : 02-821-6545

Related Posts

การเลือกทำเลร้านสะดวกซื้อมีผลโดยตรงต่อธุรกิจ ทั้งในเรื่องจำนวนลูกค้าและรายได้ การรีโนเวทร้านอย่างมืออาชีพจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยสร้างร้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้
แม้ไม่มีประสบการณ์เปิดร้านกาแฟก็สามารถเริ่มต้นได้ หากเข้าใจการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การกำหนดคอนเซ็ปต์ร้าน วางงบประมาณ เลือกทีมออกแบบ ไปจนถึงการจัดการหลังบ้าน
ตู้ MDB คือจุดรับและกระจายไฟฟ้าหลักของอาคาร ส่วนตู้ DB เป็นตู้ย่อยที่ควบคุมไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ ทั้งสองมีหน้าที่ต่างกันแต่ทำงานร่วมกันเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพระบบไฟฟ้า