Q-CHANG for Business

Working Time: Mon - Fri 9:00 AM - 6:00 PM
Follow us:
ส่งอีเมล์

b2b.relations@q-chang.com

เบอร์โทรติดต่อ

02-821-6545

Categories
Blog

ทำไมงานรีโนเวทควรมี Project Owner คอยวางแผนและควบคุมหน้างาน

ความสำคัญของ Project Owner อยู่ที่การดูแลภาพรวมโครงการรีโนเวท ตั้งแต่การวางแผนจนถึงตรวจสอบหน้างาน เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปตามเป้าหมายด้านคุณภาพ งบประมาณ และระยะเวลา

การรีโนเวทอาคารไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร หรือโครงการขนาดใหญ่ ล้วนเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียด งานที่ดูเหมือนเล็ก ๆ อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างโดยรวมได้หากไม่ได้รับการวางแผนอย่างเป็นระบบ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของงานรีโนเวทคือการมี Project Owner ที่มีประสบการณ์คอยวางแผน ควบคุมคุณภาพ และประสานงานอย่างมืออาชีพ


บทบาทของ Project Owner จึงไม่ใช่แค่ตัวแทนของเจ้าของโครงการ แต่คือคนที่เข้าใจทั้งมุมของผู้ออกแบบ ผู้ใช้งาน และผู้รับเหมาอย่างลึกซึ้ง เพื่อเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นแผนงานที่ชัดเจน และควบคุมให้งานเกิดขึ้นตามเป้าหมายได้จริง

ความสำคัญของ Project Owner คืออะไร

Project Owner คือใครในบริบทของงานรีโนเวท

Project Owner ในบริบทของการรีโนเวท หมายถึงผู้ที่มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนโครงการ ตั้งแต่การตั้งโจทย์ การวางแผนงาน ประเมินงบประมาณ ประสานทีมงาน และควบคุมคุณภาพของงานให้เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย โดยต้องมีความเข้าใจทั้งด้านเทคนิค การออกแบบ และการบริหารงานก่อสร้าง

ในบางกรณี Project Owner อาจเป็นเจ้าของอาคารโดยตรง หรือเป็นบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของโครงการ เช่น ผู้จัดการโครงการ หรือบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Q-CHANG for Business ซึ่งเข้ามารับหน้าที่ดูแลงานรีโนเวทอย่างมืออาชีพ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างบริษัทผู้ว่าจ้างและทีมช่าง คอยประสานงาน วางแผน และควบคุมให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นตรงตามแผน

เหตุผลที่งานรีโนเวทควรมี Project Owner ดูแลตั้งแต่ต้น

1. ควบคุมภาพรวมของงานอย่างเป็นระบบ

งานรีโนเวทมีความแตกต่างจากงานก่อสร้างใหม่ เพราะต้องทำงานร่วมกับโครงสร้างเดิมที่อาจมีข้อจำกัด และความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ Project Owner จะช่วยวางแผนการทำงานให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของหน้างานจริง พร้อมประสานทุกทีมงานให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

Project Owner มีบทบาทในโครงการรีโนเวทอย่างไร

2. ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหน้างาน

การรื้อของเก่ามักพบปัญหาไม่คาดคิด เช่น โครงสร้างเสียหาย ท่อน้ำรั่ว หรือระบบไฟฟ้าไม่ปลอดภัย Project Owner ที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันความล่าช้าและค่าใช้จ่ายเกินงบประมาณ

3. ประสานงานทุกฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน

เจ้าของอาคารมักมีไอเดียหรือความต้องการเฉพาะ แต่ทีมออกแบบและผู้รับเหมามักพูดกันคนละภาษา Project Owner ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการสื่อสาร เปลี่ยนความต้องการของเจ้าของให้กลายเป็นแบบแปลนที่ทำงานได้จริง และส่งต่อให้ผู้รับเหมาทำตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ควบคุมคุณภาพงานอย่างต่อเนื่อง

คุณภาพของงานรีโนเวทไม่ได้อยู่แค่ในวันส่งมอบ แต่เริ่มตั้งแต่การเตรียมงาน การเลือกวัสดุ การวางระบบต่าง ๆ ไปจนถึงการตรวจสอบความเรียบร้อยในแต่ละขั้น Project Owner จะมีแนวทางการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) ที่เข้มงวดและตรวจสอบหน้างานอย่างสม่ำเสมอ

5. ช่วยให้การตัดสินใจในจุดสำคัญเป็นไปอย่างราบรื่น

ระหว่างงานรีโนเวทมักต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแบบ การปรับวัสดุ หรือการเร่งงานในบางช่วง หากไม่มี Project Owner มาช่วยกลั่นกรองและเสนอทางเลือกที่เหมาะสม อาจทำให้การตัดสินใจช้าหรือผิดพลาดได้

ตัวอย่างโปรเจกต์ที่ Project Owner มีบทบาทชัดเจน

ในหลากหลายโครงการรีโนเวทที่มีความซับซ้อน จะเห็นได้ชัดเจนว่า Project Owner ดีอย่างไร เพราะสามารถทำให้งานเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และประสานงานได้อย่างราบรื่น เช่น

1. รีโนเวทออฟฟิศ

เจ้าของต้องการปรับพื้นที่ให้รองรับ Hybrid Work แต่ไม่แน่ใจว่าควรวางระบบไฟ กล้อง และแสงอย่างไร Project Owner จะเข้ามาวางแผนผังการใช้งาน และทำงานร่วมกับทีม MEP (ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ ระบบสื่อสาร) ให้สอดรับกันทุกจุด ซึ่งแสดงให้เห็นบทบาทของ Project Owner ได้ชัดเมื่อต้องออกแบบฟังก์ชันให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ

Project Owner รีโนเวทออฟฟิศ

2. รีโนเวทร้านอาหารที่ไม่สามารถหยุดกิจการได้

Project Owner วางแผนรีโนเวทร้านอาหารเป็นเฟส เช่น รีโนเวทเฉพาะห้องครัวก่อน แล้วต่อด้วยพื้นที่บริการ โดยไม่กระทบการให้บริการของร้าน ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของ Project Owner ในการออกแบบแผนงานให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง

ประเมินความคุ้มค่าของการมี Project Owner ในโครงการ

การมี Project Owner ฟังดูเหมือนเพิ่มต้นทุนของโครงการ แต่ในความเป็นจริงกลับช่วยประหยัดทั้งเวลา งบประมาณ และลดความเสี่ยงระยะยาวได้อย่างชัดเจน การวางแผนและควบคุมงานอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้น ช่วยให้งานไม่สะดุด ไม่ต้องแก้งานซ้ำ และลดค่าใช้จ่ายแฝงที่มาจากความผิดพลาดหรือการสื่อสารคลาดเคลื่อน

ความคุ้มค่าของการมี Project Owner

ตัวอย่างผลลัพธ์ด้านความคุ้มค่า

  • ROI ที่จับต้องได้: การลงทุนเพิ่มใน Project Owner ช่วยลดต้นทุนซ้ำซ้อน เช่น งานเดินสายไฟผิดจุด งานระบบต้องรื้อใหม่ หรือการซื้อวัสดุเกินจำเป็น ซึ่งเมื่อนำค่าใช้จ่ายที่ลดลงมาคำนวณเทียบกับค่าจ้าง Project Owner มักพบว่าเกิดผลตอบแทนที่คุ้มค่า
  • ลดต้นทุนแฝงจากความล่าช้า: โครงการที่ไม่มี Project Owner มักล่าช้าเพราะต้องรอการตัดสินใจจากหลายฝ่าย ขณะที่มี Project Owner จะมีคนกลางที่สามารถกลั่นกรองและตัดสินใจได้อย่างมืออาชีพ
  • คุณภาพงานดีตั้งแต่ต้น ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว: เช่น ระบบไฟฟ้าและปรับอากาศที่ถูกออกแบบมาอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับการใช้งานจริง ทำให้ไม่ต้องซ่อมหรือแก้ไขบ่อยในภายหลัง

สรุป

หากคุณกำลังมองหา Project Owner ที่เข้าใจทั้งงานรีโนเวท งานระบบ และการประสานงานในโครงการ Q-CHANG for Business คือทีมที่พร้อมให้บริการแบบมืออาชีพ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าองค์กร เช่น ร้านอาหาร โรงแรม โรงงาน หรือสำนักงาน ที่ต้องการงานคุณภาพ ส่งมอบตรงตามงบและระยะเวลาที่วางไว้

บริการของ Q-CHANG for Business ครอบคลุมมากกว่าแค่รับเหมาก่อสร้าง โดยมี Project Owner เป็นผู้ดูแลภาพรวมของโครงการอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่

  • วางแผนงานร่วมกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น
  • จัดทำแบบก่อสร้างและแบบระบบ (ไฟฟ้า ประปา ปรับอากาศ)
  • บริหารทีมช่างและซัพพลายเออร์ให้เป็นไปตามแผน
  • ควบคุมคุณภาพหน้างาน พร้อมติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
  • ส่งมอบงานอย่างเป็นระบบ พร้อมคู่มือใช้งานและแผนบำรุงรักษา

Contact

LINE OA : @qchangforbusiness หรือคลิก https://lin.ee/RZPKb1u 

Website : https://biz.q-chang.com 

Tel : 02-821-6545